1.if else if
เงื่อนไขแบบหลายทางเลือก (ฟังก์ชัน if หลายทางเลือก) จะทำการตรวจสอบเงื่อนไขตามประโยคคำสั่งชุดที่ 1 ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงจะทำงาน
ตามประโยคคำสั่งชุดที่ 1 ถ้าเป็นเท็จจะทำการตรวจสอบเงื่อนไขต่อไป ตามประโยคคำสั่งชุดที่ 2 ถ้าเงื่อนไขชุดที่ 2
เป็นจริงจะทำงานตามประโยคคำสั่งชุดที่ 2 แต่ถ้าเป็นเท็จอีกก็จะตรวจสอบเงื่อนไขชุดที่ 3 ต่อไปจนถึงเงื่อนไขสุดท้าย
ถ้าตรงกับเงื่อนไขใดก็จะทำงานตามประโยคคำสั่งชองชุดเงื่อนไขนั้น
รูปแบบ if (เงื่อนไข)
{
ประโยคคำสั่งชุดที่ 1;
}
else if
{
ประโยคคำสั่งชุดที่ 2;
}
else
{
ประโยคคำสั่งชุดที่ 3
}
2.swirch case
ในส่วนของฟังก์ชัน switch จะทำการตรวจสอบตัวแปรว่ามีค่าเท่ากับ case ใด ถ้าตรงกับ case ใดก็จะทำงาน
ตามประโยคคำสั่งของ case นั้น การเปรียบเทียบของฟังก์ชัน switch ไม่สามารถเปรียบเทียบค่ามากกว่า น้อยกว่า
เหมือนฟังก์ชัน if ได้ และที่สำคัญตัวแปรที่นำมาใช้กับฟังก์ชัน switch จะต้องเป็นข้อมูลชนิดเลขจำนวนเต็ม
หรือตัวอักษรเท่านั้น ดังนั้น a1, a2 และ a3 อาจจะเป็นค่าคงที่ ตัวอักษร หรือตัวแปรก็ได้ โดยทั่วไปฟังก์ชัน
switch นิยมใช้ในการตรวจสอบเงื่อนไข จำนวนหลาย ๆ เงื่อนไขเพราะถ้าใช้ฟังก์ชัน if จะทำให้เกิดความยุ่งยากได้
รูปแบบ switch(ตัวแปร)
{
case a1;
ประโยคคำสั่ง 1;
break;
case a2;
ประโยคคำสั่ง 2;
break;
case a3;
ประโยคคำสั่ง 3;
break;
default;
ประโยคคำสั่ง ;
}